นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ร้อยนิทรรศน์ยลรัตนโกสินทร์
ชุด “ ๖๗ ปี แห่งการทรงงาน ”
ณ โถงนิทรรศการหมุนเวียน อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์
วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ – ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗
เนื่องในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ ของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดกิจกรรม ร้อยนิทรรศน์ ยลรัตนโกสินทร์ ชุด “๖๗ ปี แห่งการทรงงาน” นำเสนอถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจสำคัญนานัปการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเป็นเวลานานกว่า ๖๗ ปี พระองค์ทรงทุ่มเททรงงานด้วยพระสติปัญญา พระปรีชาสามารถ และทรงอุทิศพระวรกาย ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อพัฒนาประเทศ และบำบัดความทุกข์ยากของประชาชนคนไทย
ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จึงก่อให้เกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างพอเพียงควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ผลงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริซึ่งมีมากกว่า ๔,๐๐๐ โครงการ ประสบผลสำเร็จอย่างงดงามสืบเนื่องจากการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวไทย
โดยภายในนิทรรศการครั้งนี้ ประกอบด้วย ๔ ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ ๑ “ พระปฐมบรมราชโองการ ”
ส่วนที่ ๒ “ ทศพิธราชธรรม ”
ส่วนที่ ๓ “การทรงงานที่ไม่มีวันหยุด”
ส่วนที่ ๔ “ เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชน ”
นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ร้อยนิทรรศน์ยลรัตนโกสินทร์ ชุด “๖๗ ปีแห่งการทรงงาน” การทรงงานตลอดระยะเวลาแห่งการครองสิริราชสมบัติ นับตั้งแต่ พุทธศักราช ๒๔๘๙ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า ๖๗ ปี ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นอเนกประการ ด้วยทรงตั้งพระราชปณิธานที่จะอำนวยประโยชน์สุขให้บังเกิดแก่ราษฎร บรรเทาความเดือดร้อนให้ผ่อนคลายสามารถอาศัยอยู่บนแผ่นดินไทยได้อย่างร่มเย็น ดั่งพระราชหฤทัยตั้งมั่น ยังปรากฏให้เห็นและสัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยชาวไทยได้รับประโยชน์และความสุขจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตลอดจนพระราชกรณียกิจต่างๆ พระมหากษัตริย์จึงทรงเป็นดั่งดวงใจของปวงประชา อันเป็นที่เคารพรักและภักดีอย่างไม่เสื่อมคลาย
เนื้อหานิทรรศการ แบ่งออกเป็น ๔ ส่วน
โดยนำเสนอเรื่องราวที่ต่อเนื่องกันภายในโถงนิทรรศการหมุนเวียน ได้แก่
ส่วนที่ ๑ พระปฐมบรมราชโองการ
สัจจะจากพระราชหฤทัย
“ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้” พระราชดำรัส เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๔๘๙ ที่จะทรงมีตอบกลับประชาชนชาวไทย ในวันที่เสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อทรงศึกษาต่อ แม้จะไม่ได้ทรงตอบประชาชนที่ร้องตะโกนขึ้นว่า “อย่าละทิ้งประชาชน” เพราะรถยนต์พระที่นั่งได้แล่นเลยไปแล้ว
“บรมราชาภิเษกสิริสวัสดิ์”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ เมื่อเดือน มิถุนายน ๒๔๘๙ แต่พระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณีมีขึ้นในวันศุกร์ ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ ทรงมีพระนามจารึกตามพระสุพรรณบัฏ ว่า
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๙ แห่งบรมราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการตามโบราณราชประเพณีเช่นเดียวกับสมเด็จพระบูรพมหากษัตราธิราชเจ้าทุกพระองค์ว่า
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ส่วนที่ ๒ “ ทศพิธราชธรรม ”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกว่า“บัญญัติสิบประการสำหรับกษัตริย์”ซึ่งเป็นคำสอนแต่โบราณ คำสอนดังกล่าวเป็นคำแนะนำให้พระเจ้าแผ่นดิน ในฐานะพระประมุขของประเทศ ทรงปฏิบัติพระองค์ในทางที่ถูกที่ควร และเป็นคำสอนผู้นำที่เป็นแบบให้คนทั้งหลายปฏิบัติ
ส่วนที่ ๓ “การทรงงานที่ไม่มีวันหยุด”
การทรงงานที่ไม่มีวันหยุด
นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติเมื่อพุทธศักราช ๒๔๘๙ ทรงอุทิศพระองค์บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกแห่งของประเทศ เพื่อทรงศึกษา
หาทางช่วยเหลือ ยกระดับความเป็นอยู่และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ไม่มีที่ใดในแผ่นดินนี้ ที่น้ำพระราชหฤทัยไปไม่ถึง นานนับกว่า ๖๗ ปี แห่งการทรงงานจนถึงวันนี้ การทรงงานที่ไม่มีวันหยุด ซึ่งก่อให้เกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมายกว่า ๔,๓๕๐ โครงการ อยู่ทั่ว ทุกภาคของประเทศ
ส่วนที่ ๔ “ เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชน ”
จวบจนวันนี้ ๖๗ ปี แห่งการทรงงาน การทรงงานที่ไม่มีวันหยุด ของพระองค์ผลสัมฤทธิ์ยังคงความร่มเย็นเป็นสุขแก่ประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ มีตัวอย่างให้เห็นแล้วจากผลสำเร็จของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในทุกภูมิภาค สมดังที่มีพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชน”
|
Manage Users